เรามักจะนึกถึงฮิตเลอร์ในภาพลักษณ์ประมาณว่าเป็นต้นตำรับของระบอบเผด็จการทหาร ในแง่ของเวลานั้น มุสโสลินีหัวหน้าพรรคฟาสซิสต์สามารถมีอำนาจในอิตาลีตั้งแต่ปี 1922 หรือ พ.ศ.2465 ก่อนฮิตเลอร์ได้อำนาจในเยอรมันประมาณ 11 ปี แต่ในขณะที่มุสโสลินีมีอำนาจนั้น อิตาลียังมีกษัตริย์เป็นประมุขของประเทศจนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางฝ่ายฮิตเลอร์นั้น เมื่อได้อำนาจในภายหลังในปี 1933 ยังมีประธานาธิบดีฮินเดนบูร์กเป็นประมุขแห่งเยอรมันอยู่อีกราวปีเศษ ฮิตเลอร์จึงได้รวบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนเข้ากับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นตำแหน่งฟือเรอร์ หรือ ผู้นำสูงสุด ในแง่ของวิธีการได้อำนาจนั้น แรกทีเดียวฮิตเลอร์พยายามยึดอำนาจรัฐตามแบบอย่างมุสโสลินีแต่ไม่สำเร็จ จึงหันกลับมาใช้การเลือกตั้งจนพรรคนาซีได้เสียงข้างมากและตนเองได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วจึงใช้อำนาจที่ได้มาล้มล้างระบอบประชาธิปไตยเพื่อรวบอำนาจไว้ที่ตนเองและพรรคนาซีเท่านั้น ในครั้งนี้เราจะมาดูกันครับว่าในความพยายามครั้งแรกเพื่อยึดอำนาจรัฐ กับในตอนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนั้น จังหวะฟ้ามีผลกระทบต่อดวงของฮิตเลอร์อย่างไรบ้าง
ชิงอำนาจด้วยกำลัง
ปฏิบัติการครั้งแรกของฮิตเลอร์ในอันที่จะยึดอำนาจรัฐโดยใช้กำลังนั้น เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-9 พฤศจิกายน 1923 ในทางประวัติศาสตร์มักเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า The Beer Hall Putsch หรือบางทีเรียกว่า the Munich Putsch แต่ในเยอรมันจะเรียกว่า Hitlerputsch หรือ Hitler-Ludendorff-Putsch ตามชื่อของฮิตเลอร์และลูเดนดอร์ฟซึ่งเป็นผู้นำการก่อการครั้งนี้ ว่าที่จริงพรรคนาซี ณ เวลานั้น พึ่งเติบโตขึ้นมาจากฝีปากและฝีมือของฮิตเลอร์ได้ไม่ทันไร ก็คิดว่าปีกกล้าขาแข็งพอจะยึดอำนาจรัฐตามอย่างพรรคฟาสซิสต์อิตาลีซะแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้นเล่ากันแบบย่อสุดๆ คือ ฮิตเลอร์กับบรรดาแกนนำพรรคนาซีทั้งหลายได้นำกองกำลัง-ของพรรคที่เรียกว่า Sturmabteilung หรือ SA ราวๆ 600 คน เข้าปิดล้อมโรงเบียร์แห่งหนึ่งในมิวนิค จากนั้นฮิตเลอร์และบรรดาแกนนำได้บุกเข้าไปในโรงเบียร์ในเวลา 20.30 น. ประกาศเริ่มการปฏิวัติ และจับกุมผู้นำรัฐบาลรัฐบาวาเรีย 3 คน คือนาย von Kahr ผู้นำรัฐ นายพล Otto von Lossow ผบ.ทหาร และ พันตำรวจเอก Han von Seisser อธิบดีตำรวจ ไว้เป็นตัวประกัน และพยายามเจรจาให้เข้าร่วมรัฐบาลที่จะจัดตั้งใหม่แต่ไม่เป็นผล และยังเสียท่าจนทำให้บุคคลทั้งสามหลบหนีไปได้ ในวันรุ่งขึ้นฮิตเลอร์กับบรรดาแกนนำจึงได้นำพลพรรคเดินขบวนเข้าสู่ใจกลางเมืองมิวนิคในเวลาประมาณ 11.00 น. ระหว่างทางถูกกองกำลังของรัฐบาวาเรียสกัดไว้ และถูกปราบปรามด้วยอาวุธแบบไม่ต้องเสียเวลาเจรจาขอคืนพื้นที่ บรรดาผู้ก่อการหนีกระเจิดกระเจิงกันไปหมด ตัวฮิตเลอร์เองถูกจับได้ใน 2-3 วันต่อมา และถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดี ผลคือฮิตเลอร์ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี แต่รับโทษจริงเพียงไม่กี่เดือน จากนั้นก็กลับมาฟื้นฟูพรรคนาซีโดยเอาความล้มเหลวครั้งนี้เป็นบทเรียน หันมาดำเนินงานการเมืองโดยวิธีการเลือกตั้งแทน
เรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยละเอียดกว่านี้สามารถหาอ่านได้จากแหล่งต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ดูที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Beer_Hall_Putsch ส่วนภาษาไทยก็พอหาอ่านได้ตามเว็บต่างๆ เช่น คุณวิวันดาได้เล่าเรื่องของฮิตเลอร์ไว้ โดยเฉพาะปฏิบัติการที่โรงเบียร์นี้สามารถอ่านได้ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=wiwanda&date=04-03-2005&group=2&gblog=14 และต่อมาท่านได้กรุณาคัดลอกบทความชุดนี้มาไว้ที่เว็บไซต์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ (www.iseehistory.com) ของผมอีกแห่ง โดยตอนปฏิบัติการที่โรงเบียร์นี้จะอยู่ที่ http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538786960&Ntype=15 ท่านผู้สนใจจะตามไปอ่านที่ ณ ที่ใดก็ตามสะดวก ส่วนในแง่มุมทางโหราศาสตร์ ทีแรกว่าจะข้ามดวงทินวรรษไป พอทบทวนดูอีกที ปรากฏว่าสำคัญเหมือนกัน จึงขอนำดวงทินวรรษหรือดวงจรจังหวะฟ้า ณ เวลาที่อาทิตย์จรทับอาทิตย์กำเนิดสนิทองศาดังนี้ครับ
เริ่มจากอาทิตย์กำเนิดที่เดิมก็ 45 องศากับแอดเมตอสกำเนิดอยู่นั้น มฤตยูจรท่านก็โคจรมาทับกับแอดเมตอสเข้าพอดีในวังกะประมาณไม่ถึงครึ่งองศา โดยมีเสาร์จรบวกโค้งที่ลากเอาจุดสะท้อนของอังคารและจุดสะท้อนของศุกร์ตามมาด้วย ทางด้านอาทิตย์จรสุริยยาตร์หรืออาทิตย์กำเนิดบวกโค้งนั้นเล่า ก็เริ่มเข้าวังกะ 1 องศาที่จะมาทับกับพลูโตกำเนิด โดยสัมพันธ์กับจุดในดวงกำเนิดอื่นๆ ได้แก่ มฤตยู จุดสะท้อนลัคนา และจุดสะท้อนพุธ โดยมีอังคารทินวรรษทับเข้ามา จุดสะท้อนของเมอริเดียนทินวรรษเป็นตัวเสริม แนวโน้มในรอบปีนี้จึงประมาณว่า มีทั้งการดิ้นรนให้ได้ตามความปรารถนาแต่ไม่สำเร็จ และจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในชีวิต
ทีนี้มาดูดวงจรเหตุการณ์ ที่มีผลกระทบต่อดวงกำเนิดฮิตเลอร์กันซะที
หากตัวฮิตเลอร์เองหรือคนใกล้ชิดมีความรู้ทางโหราศาสตร์สักนิด ขอแค่รู้ความหมายดาวกับผูกดวงเป็นแล้วคอยตามดาวจรสม่ำเสมอ คงไม่บังอาจกระทำการใหญ่ ณ วันเวลาที่เสาร์กำลังทับลัคนาเช่นนี้เป็นแน่ แม้จะใช้ลัคนากำเนิดแท้ๆ ของฮิตเลอร์ที่เมืองเบราเนาแทนลัคนาที่ผมปรับมาที่มิวนิคก็จะมีสมผุสมากกว่านี้เล็กน้อยไม่พ้นระยะวังกะ 1 องศาของเสาร์จรไปได้ แค่โหรไทยที่เล่นแค่ดวงไม่มีสมผุสเห็นเสาร์จรร่วมกับลัคนากำเนิดก็ร้องจ๊ากแล้ว และปฏิบัติการครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากเกิดอมาวสีเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นอมาวสีที่ราศีพิจิก 15 องศากว่าๆ อันเป็นจุดจุลทวารของจักรราศี อังคารจรตัวการสำคัญอีกตัวสัมพันธ์ถึงอาทิตย์และแอดเมตอสสะท้อน แทนที่จะทำให้กระตือรือร้นในทางดีก็ออกไปในทางก้าวร้าว พฤหัสจรพึ่งเลยจุดที่สัมพันธ์กับโครโนสกำเนิดมากำลังจะไปทางตั้งฉากฮาเดสนู่น ด้านจรอายุขัย อาทิตย์บวกโค้งกำลังจะไปทับพลูโตกำเนิดซึ่งมีมฤตยูกำเนิดและจุดสะท้อนของลัคนาและพุธกำเนิดสัมพันธ์อยู่ บอกถึงช่วงเวลาที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พอดีตะแกรอดชีวิตมาได้เลยเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนวิธีการทางการเมือง
สรุปว่า ณ เวลาที่ลงมือปฏิบัติการครั้งนี้เป็นช่วงวิกฤตของเจ้าชะตาอย่างยิ่ง ทำไปก็ไม่สำเร็จ แต่เมื่อไม่สำเร็จแล้วรอดชีวิตมาได้ ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตโดยการปรับเปลี่ยนวิธีการซะใหม่ จนกลับมาประสบความสำเร็จได้ แต่ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันตามพื้นดวงที่มีเสาร์สันโดษในเรือนที่ 10
ผ่านสนามเลือกตั้ง
กว่าจะถึงเส้นชัยได้ ฮิตเลอร์และพรรคนาซีต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ไม่ว่าพรรคคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคคอมมิวนิสต์ที่สู้กันทั้งในสนามเลือกตั้งทั้งตีกันข้างถนน คู่แข่งคนสำคัญทางการเมืองอื่นๆ ทั้งนอกพรรคและในพรรคนาซีเอง หากจะอธิบายในที่นี้ก็ยืดยาว จะให้ดูเฉพาะตัวเลขคะแนนเสียงเลือกตั้งของพรรคนาซีที่มีคนใจดีมาแสดงให้ดูที่วิกิพีเดียก็แล้วกันครับ ว่านับตั้งแต่ฮิตเลอร์ติดคุกเรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายที่ฮิตเลอร์เป็นนายกฯ แล้วก่อนจะรวบตำแหน่งประธานาธิบดีแล้วยุบเลิกพรรคการเมืองอื่นหมดนั้น พรรคนาซีได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแต่ละครั้งดังนี้ครับ
ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Hitler
จากตารางนี้คงพอเห็นนะครับว่า ฮิตเลอร์และพรรคนาซีบนถนนการเลือกตั้งนั้น ช่วงแรกออกสตาร์ทได้แย่ลงด้วยซ้ำ จนกระทั่งเมื่อเศรษฐกิจเยอรมันเข้าสู่ภาวะวิกฤต จึงได้เติบโตขึ้นมาก มาลดลงนิดหน่อยตอนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 1932 ครั้นพอฮิตเลอร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนมกราคม 1933 จึงกระเตื้องขึ้นมาอีก แต่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งซักที และนั่นก็เป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายก่อนที่พรรคนาซีจะรวบอำนาจไว้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สั่งยุบพรรคการเมืองอื่นทั้งหมดและไม่จัดการเลือกตั้งอีกเลย นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ผู้รักประชาธิปไตยประณามฮิตเลอร์และพรรคนาซีพอๆ กับเรื่องอื่นๆ ในแง่มุมโหราศาสตร์เราอาจจะมาดูกันอีกทีว่าจังหวะฟ้าแต่ละครั้งมีผลกับคะแนนเสียงอย่างไรบ้าง ขอข้ามมายังตอนที่ฮิตเลอร์ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีฮินเดนบูร์กเลยดีกว่า ว่าจังหวะฟ้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อย่างไร
เริ่มจากดวงทินวรรษปี 1932 ดังนี้ครับ
เริ่มด้วยอาทิตย์กำเนิด/จร ปีนี้ดาวจรทินวรรษที่มาสัมพันธ์ได้แก่ ศุกร์ (เป็นศุกร์สนธยาที่กำลังเพ็ญ) และจุดสะท้อนของพุธ อังคาร และคิวปิโด โดยมีเมอริเดียนและจุดสะท้อนของโครโนสที่จรตามโค้งสุริยยาตร์มาถึง มฤตยูจรเองกำลังเล็งกับมฤตยูกำเนิด หรือพูดง่ายๆ ว่ามฤตยูจรไปได้ประมาณครึ่งรอบจักราศีแล้วเมื่อนับจากตำแหน่งในดวงกำเนิด โดยทางมฤตยูกำเนิดนั้น มีจุดสำคัญต่างๆ มาสัมพันธ์ ได้แก่ จุดสะท้อนของลัคนาที่ปรับมาที่เบอร์ลิน จุดสะท้อนของพุธและโพไซดอน และพลูโตกำเนิด ความสัมพันธ์กับดวงจรทินวรรษด้วยกันนั้นก็มีทั้งเนปจูนและพลูโตสัมพันธ์อยู่ (การเริ่มความเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นหรือถูกอำพราง) ทางด้านอาทิตย์จรบวกโค้งนั้นกำลังได้รับอิทธิพลจากวัลคานุสจรฟ้า ขณะที่จุดสะท้อนอาทิตย์บวกโค้งที่มีจุดพฤหัส+โครโนส-วัลคานุส เกาะติดอยู่นั้น ได้มาถึงโครโนสในวังกะประมาณ 5 ลิปดาเท่านั้น ศูนย์รังสีพลูโตโครโนสได้มาถึงเมอริเดียนในวังกะ 14 ลิปดา และถึงจุดสะท้อนของโครโนสกำเนิดแบบที่แทบจะไม่มีวังกะเลย ส่วนพลูโต/โครโนสจรนั้น ปรากฏว่าสัมพันธ์กับอาทิตย์กำเนิดแม้ว่าจะมีแอดเมตอสสัมพันธ์ด้วย
เกือบลืมบอกไปว่าดวงทินวรรษของฮิตเลอร์ครั้งนี้เป็นเวลาหลังจันทร์เพ็ญไม่กี่ชั่วโมง บางตำราให้ความสำคัญว่าหากใครมีดวงทินวรรษปีใดตรงกับจันทร์เพ็ญและไม่มีปัจจัยด้านลบมาหักล้าง จะเป็นช่วงเวลาที่ดวงขึ้นครับ นี่ทั้งจันทร์เพ็ญทั้งศุกร์เพ็ญเลย
ทีนี้มาดูดวง ณ เวลา ที่ฮิตเลอร์ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีฮินเดนบูร์ก กัน คือ วันที่ 30 มกราคม 1933 (แต่ปฏิทินไทยยังเป็นพ.ศ.2475 เนื่องจากขณะนั้นเรายังเริ่มปีใหม่วันที่ 1 เมษายน) เวลาประมาณเที่ยง
ในเรื่องของการจรอายุขัย พบว่าเมอริเดียนที่ปรับมาอยู่ ณ เบอร์ลิน เมื่อ เอาจุดสะท้อนมาบวกด้วยค่าโค้งสุริยยาตร์แล้ว ก็ใกล้จะถึงพฤหัสกำเนิดในระยะวังกะ 27 ลิปดา แต่หากเป็นจุดสะท้อนของเมอริเดียนกำเนิดที่เบราเนาบวกด้วยค่าโค้ง จะมีวังกะน้อยกว่าคือ 10 ลิปดา ขณะที่จุดสะท้อนของอาทิตย์กำเนิดซึ่งลากเอาจุดผู้นำทางการเมืองคือ พฤหัส+โครโนส-วัลคานุส มาด้วย ได้ผ่านเลยเมอริเดียนสะท้อนกับโครโนสกำเนิดมาแล้ว โดยจุดนี้ในดวงจรไปสัมพันธ์กับจุดเซอุส วัลคานุส และจุดสะท้อนของอาพอลลอน แต่ไม่ได้สัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตากำเนิดเลย ด้านการเลื่อนตำแหน่ง จุดพลูโต/โครโนสบวกโค้งสัมพันธ์กับเมอริเดียนกำเนิดที่ปรับมายังเบอร์ลินแล้วในวังกะประมาณครึ่งองศากับจุดสะท้อนของโครโนส ส่วนพลูโต/โครโนสจรนั้น ยังคงสัมพันธ์กับอาทิตย์กำเนิดเช่นเดียวกับในดวงทินวรรษ
ครั้นพอมาดูตำแหน่งดาวจรที่สัมพันธ์กับดวงกำเนิดและปัจจัยต่างๆ ที่บวกค่าโค้งมามีบางจุดที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ประเด็นแรกคือเป็นช่วงที่มฤตยูจรยังคงเล็งมฤตยูกำเนิดโดยมีวังกะมากกว่าอยู่ ราว 25 ลิปดา ความสำคัญของมฤตยูจรนี้ดังได้กล่าวแล้วในดวงทินวรรษ ขณะที่ทางฝั่งดาวจรนั้น มฤตยูจรสัมพันธ์อยู่กับศุกร์ เนปจูนสะท้อน และอาพอลลอนสะท้อน ด้านอาทิตย์จร (วันนั้น) กำลังทำมุมกับจันทร์สะท้อน และยังเล็งกับเซอุสจร ตั้งฉากกับโครโนสจร อันบ่งบอกว่าที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องบุคคลระดับผู้นำ แต่ทำไมถึงเป็นฮิตเลอร์? เมื่อดูความสัมพันธ์ของโครงสร้างจรชุดนี้กับดวงกำเนิดมีเพียงการเล็งกับอาพอลลอนและสัมพันธ์กับจุดสะท้อนของเซอุสและวัลคานุสเท่านั้น เมื่อมาดูเสาร์จรที่อยู่ร่วมอาทิตย์จรในภพที่ 10 ของดวงจร (พูดง่ายๆว่าอาทิตย์จรและเสาร์จรอยู่กลางฟ้าขณะนั้น) เสาร์จรทำมุมกับจุดสะท้อนของจันทร์และพฤหัสเข้า และวัลคานุสจรกำลังกุมอาทิตย์บวกโค้งของฮิตเลอร์เข้าพอดี และมีพุธจรกำลังเล็งเมอริเดียน
สรุปว่าการเริ่มต้นมีอำนาจทางการเมืองของฮิตเลอร์นั้นมีมฤตยูจรเป็นเจ้าการสำคัญ มีปัจจัยอื่นเป็นองค์ประกอบที่ดูแล้วไม่ค่อยจะเลิศหรูเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเสาร์จรที่กำลังสถิตอยู่กลางฟ้าร่วมกับอาทิตย์จรนั้น เหมือนจะบอกเป็นนัยว่า คนนี้เป็นผู้นำได้แต่ปัญหาอะไรหลายๆ อย่างกำลังจะตามมา ซึ่งตามประวัติศาสตร์ ฮิตเลอร์ก็ได้เริ่มกำจัดศัตรูทางการเมืองและกระทำการหลายๆ อย่างที่จะรวบอำนาจมายังตนเองและพรรคนาซีและเริ่มการต่อต้านชาวยิวตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป
ผู้นำสูงสุด
ว่าจะจบตอนนี้แค่ฮิตเลอร์เป็นนายกฯ รู้สึกว่ายังมีบางอย่างคาใจ ทีนี้มาดูกันว่า 1 ปีเศษๆ ให้หลัง เมื่อประธานาธิบดีฮินเดนบูร์กถึงแก่กรรมลง แล้วฮิตเลอร์รวบเอาตำแหน่งประธานาธิบดีกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนมาควบรวมกันนั้น จังหวะฟ้าเป็นอย่างไร เริ่มจากดวงทินวรรษปี 1934 กันก่อน
ในส่วนของการจรอายุขัยนั้น ส่วนใหญ่ยังเคลื่อนที่จากดวงทินวรรษเมื่อปี 1932 ไปไม่มาก ความน่าสนใจอยู่ตรงที่จุดพลูโต/โครโนส (การเลื่อนตำแหน่ง) ได้ขยับจากจุดที่สัมพันธ์กับเมอริเดียนมายังจุดสะท้อนของพฤหัสกำเนิด และพุธจรที่สัมพันธ์กับเมอริเดียนสะท้อน และโครโนสกำเนิด ขณะที่เสาร์จรก็สัมพันธ์กับโครโนสจริงและเมอริเดียนสะท้อนในดวงกำเนิด แต่พุธทินวรรษกับเสาร์ทินวรรษนี้เหมือนจะสะท้อนซึ่งกันและกันแต่ระยะวังกะนั้นเกิน 1 องศา กลายเป็นว่าผู้นำ (โครโนส) คนหนึ่งจากไปอีกคนหนึ่งมาแทน ในเมื่อจุดเจ้าชะตาในพื้นดวงไม่ได้ถูกเบียดเบียน จึงหมายความว่าเจ้าชะตาจะสืบทอดอำนาจแทนผู้ที่จากไป
ทีนี้มาดูจังหวะฟ้าในเวลาที่ประธานาธิบดีถึงแก่กรรม ซึ่งหลังจากนั้นประมาณชั่วโมง ฮิตเลอร์ก็ประกาศรวบตำแหน่งดังว่า อีกครั้งที่ผมรู้สึกว่ามฤตยูจรจะมีบทบาทสำคัญอีกแล้ว คือพึ่งยกเข้าราศีพฤษภมาได้ระยะหนึ่งและอยู่ ณ ตำแหน่งที่เลยการกุมอาทิตย์กำเนิดของฮิตเลอร์มาได้นิดหน่อย ขณะที่เสาร์จรกำลังทำมุมสัมพันธ์ถึงศุกร์จรและอังคารจรที่กุมกัน คล้ายๆ กับในพื้นดวงฮิตเลอร์ที่ศุกร์กุมอังคารสะท้อนกับเสาร์ โครงสร้างจรชุดนี้ได้ทำมุมถึงจุดสะท้อนของเมอริเดียนกำเนิดที่ปรับมายังเบอร์ลินและโครโนสกำเนิด ด้านการจรสุริยยาตร์หรือดาวกำเนิดบวกโค้งกระทบจุดกำเนิดนั้น ดูไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ นอกจากจุดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง อันได้แก่ จุดพลูโต/โครโนส (การเลื่อนตำแหน่ง) บวกโค้งมาถึงจุดสะท้อนของพฤหัสในระยะวังกะ 21 ลิปดา สอดคล้องกับจุดเดียวกันนี้บนท้องฟ้าที่มาสัมพันธ์กับเมอริเดียนและจุดสะท้อนโครโนสในดวงกำเนิด ด้านจุดพฤหัส+โครโนส-วัลคานุส (จุดนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำสูงสุดทางการเมือง) จุดที่บวกโค้งมานั้นไปสัมพันธ์กับฮาเดส แต่จุดจรท้องฟ้านั้น สัมพันธ์กับจุดในดวงกำเนิด อันได้แก่ อาทิตย์ แอดเมตอส ราหูสะท้อน และเนปจูนสะท้อน เป็นอันยืนยันว่าเจ้าชะตามีอำนาจสูงสุดซะที แต่เป็นอำนาจที่มีอะไรร้ายๆ แฝงอยู่ตามความหมายของเนปจูนและฮาเดสครับ
บังเอิญเหลือเกินว่าขณะที่เขียนบทความนี้ ทั้งในญี่ปุ่นและภาคใต้ของเราเองต่างก็กำลังเผชิญกับเภทภัยที่คล้ายกับจะมาพร้อมกับการที่มฤตยูยกเข้าราศีเมษ ครั้นพอผมวิเคราะห์ดวงชะตาชีวิตของฮิตเลอร์มาถึงตอนนี้ก็ดูคล้ายกับว่ามฤตยูที่โคจรอยู่ในแต่ละราศีประมาณ 7 ปี นี้จะมีอิทธิพลบางอย่างต่อดวงฮิตเลอร์ และอาจจะรวมถึงดวงเราๆ ท่านๆ ดังที่โบราณมีคำกล่าวว่า “ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน”มันจะเกี่ยวกับอิทธิพลมฤตยูหรือไม่ การวิเคราะห์ดวงฮิตเลอร์ในตอนต่อๆ ไปอาจจะมีคำตอบรออยู่ก็เป็นได้ครับ
ตอนต่อไป ทำสงคราม